น้ำหอม Dior ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมานั้นสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทแม่อย่าง LVMH ได้มาถึง 17% ในกลุ่มน้ำหอมและเครื่องสำอาง โดยมีน้ำหอมผู้ชาย อย่าง Sauvage ที่เติบโตมาได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็นผู้นำระดับโลกได้ ตามมาด้วยน้ำหอมผู้หญิง 2 กลิ่นหอม อย่าง Miss Dior และ J’adore นั่นเอง
ดังนั้นในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปเจาะลึกกลิ่นหอมจากน้ำหอมทั้ง 3 ไลน์ที่มียอดขายสูงสุดประจำแบรนด์นี้กันว่า แต่ละไลน์มีกลิ่นหอม และให้ลุคแบบไหนกันบ้าง ตัวไหนที่เหล่าผู้ใช้งานจริงต่างยืนยันว่าต้องมี
Sauvage
น้ำหอมที่มียอดขายมากที่สุด และได้รับความนิยมจากคุณผู้ชายมากเป็นดันดับต้นๆ เช่นเดียวกัน กับกลิ่นสุดเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ชายที่ทั้งเท่ ดิบ เถื่อน ด้วยกลิ่นที่ให้บรรยากาศเย็นๆ ในช่วงพลบค่ำ กลิ่นสดชื่น หอมหวาน และ Sexy เป็นน้ำหอมที่เปิดตัวมาในปี 2015 โดย Francois Demachy นักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์
โดยกลิ่นที่ได้รับความนิยมในไลน์นี้คือ Sauvage Eau De Toilette ความเข้มข้นของน้ำหอมลดลง ทำให้กลิ่นค่อนข้างที่จะสว่าง และสดชื่นกว่ารุ่นอื่น เป็นกลิ่นหอมสดชื่นฉ่ำๆ จากเบอร์กาม็อทสายพันธุ์อิตาลี กลิ่นเผ็ดจาก Pink Papper กลิ่นหอมหวานจาก Ambroxan กลิ่นหอมไม้อันอบอุ่น และลาเวนเดอร์ให้ลุคที่สุขุมและทรงพลังมากขึ้น
Parfum เปิดตัวมานปี 2019 เน้นไปที่กลิ่นหอมสดชื่นของส้มแมดาริน และเบอร์กาม็อทช่วยเสริมกลิ่นสดชื่นอีกขั้น กลิ่นสะอาดด้วยซิตรัส กลิ่นความหวานของถั่ว Tonka มีกลิ่นหอมของหนังผสานอยู่ในกลิ่นที่โดดเด่นด้วยไม้จันทน์หอม กลิ่นดูสว่าง จึงเหมาะที่จะใช้เป็นน้ำหอมสำหรับหน้าร้อน
Elixir เปิดตัวมาในปี 2021 มีความเข้นข้นมากที่สุด กลิ่นหอมสดชื่นของซิตรัสจากเกรปฟรุต ในช่วงแรกกลิ่นจะติดเปรี้ยวเล็กน้อย แต่เมื่อผ่านไปจะได้กลิ่นเครื่องเทศ ลาเวนเดอร์ และเปลือกไม้ให้กลิ่นหอมอบอุ่นและเย้ายวน ความซับซ้อนของกลิ่นระดับพรีเมี่ยมที่ได้กลิ่นครั้งแรกก็ยากจะลืมลง
Eau de Parfum เปิดตัวมาในปี 2018 เป็นกลิ่นที่พัฒนามาจาก Eau de Toilette กลิ่นเบอร์กาม็อทฉ่ำๆ และสดชื่น เป็นกลิ่นแรกที่สำผัสได้เมื่อเปิดขวดน้ำหอม ตามมาด้วยกลิ่นไม้ และ Ambroxan ห่อหุ้มด้วย Vanilla ให้กลิ่นออกหวานขึ้น มีกลิ่นควัน เพื่อสัมผัสที่รุนแรงยิ่งขึ้น
Miss Dior
น้ำหอมกลิ่นแรกที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1947 รังสรรค์ขึ้นโดย Christian Dior แรงบันดาลใจมาจากสวนในบ้านที่ตั้งอยู่ ณ Granville ในฝรั่งเศส กลิ่นหอมของดอกไม้ ที่ถูกจริตสาวๆ ด้วยกลิ่นสดชื่น หอมหวาน เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการให้ลุคในวันนั้นดูเป็นคุณหนู ผู้ดี อ่อนหวาน ตั้งชื่อน้ำหอมเพื่อเป็นเกียรติให้แก่น้องสาวของเขานามว่า Catherine Dior
ซึ่งกลิ่นที่ได้รับความนิยมจากสาวๆ มากที่สุด คือ Blooming Bouquet โดยเป็นน้ำหอมประเภท EDT กลิ่นใหม่ในปี 2023 เป็นกลิ่นที่ผู้หญิงใช้ง่าย เหมือนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่มีเหล่าดอกไม้เต็มไปหมด กลิ่นฟรุตตี้ และก็หอมละมุนที่ให้ลุคน่ารัก เปิดมาด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของเบอร์กาม็อทฉ่ำๆ ตามมาด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกพีโอนีและกุหลาบดามากัส ปิดด้วยกลิ่นของไวท์มัสก์จางๆ
Eau de Parfum เป็นกลิ่นที่เปิดตัวมาในปี 1947 ก่อนจะปรับเปลี่ยนสูตรของกลิ่นเรื่อยมา โดยกลิ่นในปัจจุบันเปิดตัวมาในปี 2021 กลิ่นฟรุ้ง และหอมหวานขึ้น ด้วยกลิ่นดอกกุหลาบเซนติโฟเลีย น้ำผึ้งและพริกไทย กลิ่นหอมสดชื่นของดอกลิลลี่ และดอกโบตั๋น ปิดท้ายกลิ่นติดผิวมีความอบอุ่นด้วยกลิ่นไม้
Eau de Toilette เป็นอีกกลิ่นที่มีการปรับกลิ่นอยู่เสมอ โดยกลิ่นล่าสุดเปิดตัวมาในปี 2019 กลิ่นหอมดอกไม้ที่มีความสดชื่นอยู่ในนั้น มีกลิ่นที่ออกเปรี้ยวฉ่ำชัดด้วยกลิ่นดอกส้มแมนดาริน และ Blood Orange แต่ก็ไม่ได้กลบกลิ่นของกุหลาบ ตามมาด้วยกลิ่นหอมสดชื่นจากดอกลิลลี่แห่งหุบเขา และพิมเสน
Absolutely Blooming เป็นน้ำหอมประเภท EDP เปิดตัวมาในปี 2016 เป็นน้ำหอมที่กลิ่นติดทนสุด และหอมหวานที่สุดในบรรดา น้ำหอมไลน์นี้ กลิ่นเปิดมีความเปรี้ยวนิดๆ แต่จะออกไปทางฉ่ำหวานด้วยกลิ่นของเบอร์รี่สีแดง ตามมาด้วยลิ่นกุหลาบเข้มข้น และกลิ่นดอกโบตั๋น ให้กลิ่นติดผิวที่อบอุ่นด้วย White Musks
Rose N’Roses เปิดตัวมาในปี 2020 กลิ่นหอมดอกกุหลาบแบบจางๆ ไม่ซับซ้อน ให้กลิ่นที่สดใส และสุภาพ กลิ่นเปิดมาด้วยความสดชื่นจากเบอร์กาม็อท ส้มแมนดาริน ดอกเจอราเนียม ตามมาด้วยกลิ่นกุหลาบ 2 สายพันธุ์ กลิ่นมีความเข้มข้น เผ็ดร้อน White Musk เพิ่มกลิ่นสดชื่นและชูกลิ่นของดอกกุหลาบให้หอมจางๆ
Rose Essence เปิดตัวมาในปี 2022 ให้กลิ่นกุหลาบที่ชัดกว่ารุ่นอื่น กลิ่นเปิดมาด้วยความสดชื่น ของ Green Note และดอกเจอราเนียม ตามมาด้วยกลิ่นดอกกุหลาบ May Rose แบบเข้มข้น กลิ่นติดผิวมีความอบอุ่นด้วยกลิ่นไม้ และ Musk เพิ่มความสดชื่นด้วยกลิ่น Patchouli
J’adore
น้ำหอมกลิ่นแนวฟอรัลฟรุตตี้ ที่สาวๆ หลงรัก เปิดตัวมาในปี 1999 รังสรรค์ขึ้นโดย Calice Becker ให้กลิ่นหอมสดชื่น และเย้ายวนจากดอกไม้ เป็นกลิ่นหอมที่สื่อถึงสาวๆ ที่มีความมั่นใจ กล้าหาญ และ Sexy ให้ลุคสาววัยทำงานที่มีความเก่งรอบด้าน สวยหรู ดูเป็นผู้ดี มาพร้อมขวดดีไซน์ออกไปทางกรีกมีความสวยงามและโอ่อ่า โดยได้แรงบันดาลใจมาจากภาพเงาของหญิงสาว
กลิ่นที่ได้รับความนิยมของไลน์นี้คือ J’adore Eau De Parfum ที่เปิดตัวมาในปี 1999 กลิ่นเปิดเต็มไปด้วยฟรุตตี้ ไม่ว่าจะเป็น เมล่อน พีช แพร์ ส้มแมนดาริน เบอร์กาม็อท และดอกแมกโนให้กลิ่นหอมหวาน ตามมาด้วยกลิ่นดอกมะลิ ลิลลี่หุบเขา และซ่อนกลิ่นที่มีความนุ่มนวล กลิ่นค่อนข้างไปทางผู้ใหญ่ วัยทำงาน
Parfum D’eau กลิ่นใหม่ที่เปิดตัวมาในปี 2022 กลิ่นหอมดอกไม้ เป็นน้ำหอมที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กลิ่นให้ความสดชื่น สะอาดและปลอดโปร่ง เป็นน้ำหอมประเภท Eau de Parfum มาด้วยกลิ่นของ Green Note มะลิลา สายน้ำผึ้ง แมกโนเลีย ดอกส้ม และกุหลาบ
Eau de Toilette เปิดตัวมาในปี 2011 กลิ่นเปิดมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาด้วยซีตรัส ส้มแมนดารินและดอกส้ม ฟรุ้งกระจายได้ดี ตามมาด้วยกลิ่นดอกไม้หอมหวาน อย่าง ดอกมะลิ African Rrange Flower กระดังงา ซ่อนกลิ่น และกุกลาบสีชมพู กลิ่นติดผิวให้ความหอมหวาน และอบอุ่น ด้วยวานิลลาและกลิ่นไม้
L’Or เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 และนำกลับมาอีกครั้งในปี 2017 ให้กลิ่นที่ค่อนข้างเย้ายวน หวานกว่ารุ่นอื่น กลิ่นเปิดมาด้วยมะลิ ตามมาด้วยกลิ่นดอกกระดังงา ซ่อนกลิ่น และ May Rose กลิ่นติดผิวด้วยถั่วตองกา ซึ่งกลิ่นดอกไม้ของ L’Or ค่อนข้างที่จะจริงกว่ารุ่นอื่น เหมาะสำหรับงานกลางคืน และมีความเป็นผู้ใหญ่มาก
EDP Infinissime เปิดตัวมาในปี 2020 กลิ่นให้ลุคเป็นผู้หญิงที่ดูสง่าดูนุ่มนวลมีระดับ กลิ่นเปิดมาด้วยความสดชื่นของ Blood Orange เบอร์กาม็อท และกลิ่นเผ็ดของพริกไทยสีชมพู ตามมาด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้สีขาว อย่าง ซ่อนกลิ่น มะลิลา ลิลลี่หุบเขา และกุหลาบ กลิ่นติดผิวด้วยไม้จันทร์ทั้งอบอุ่นและนุ่มนวล
น้ำหอม Dior ทั้ง 3 ไลน์นี้ ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีกลิ่นที่ถูกจริตทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ทำให้เป็นน้ำหอมกลุ่มแรกๆ ที่คนรักน้ำหอมแนะนำกันต่อๆ มา ว่าเป็นกลิ่นที่ควรค่าแก่การมีประดับโต๊ะเครื่องแป้ง ไว้ฉีดเสริมลุคให้ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งแต่ละกลิ่นย่อยที่แตกออกมาก็มีความโดดเด่นที่ต่างออกไปอีก ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมกลิ่นหอม พร้อมเจาะลึกกลิ่นหอม เผื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของเหล่านักชอป