Rolex ราคา แบบไม่บาดใจมาก ใช่ว่าจะไม่มีนะคะหนุุ่มสาวทั้งหลาย งบน่ารักเบาสุดคือไม่เกิน 300,000.- นี่เบาสุดเท่าที่หามาได้แล้วนะ แต่ต้องยอมเขาแหล่ะเพราะแบรนด์นี้เขาการันตีในความคลาสสิก วัสดุสุดทนทาน กลไกล้ำๆ ที่ถูกพัฒนาอยู่เสมอ พร้อมฟังก์ชั่นอีกมากมายที่จะมาตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน
ซึ่งเราได้ไปทำการเสาะหานาฬิกา Rolex ที่ราคาน่ารักที่สุดของทางแบรนด์มาให้ได้ชมกัน ส่วนจะมีโอกาสได้ซื้อไหม นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้วล่ะ ก็แหม่ทั้งทำยอด ทั้งซื้อพ่วง เขาชอปที่หมดเกือบล้าน แต่ถ้าซื้อรีเซลราคาก็บวกๆ ขึ้นไปอีก งานนี้ขึ้นอยู่กับแต้มบุญล้วนๆ
Oyster Perpetual 28mm
นาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิกระดับสากล แสดงออกถึงความไร้กาลเวลาของนาฬิกาจาก Rolex เรือนนี้ผลิตจาก Oystersteel ในตระกูล 904L ที่ทางแบรนด์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ วัสดุอัลลอยที่ทนต่อการกัดกร่อนสูง ให้ความเงางามและเป็นประกาย เป็นวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ และเคมี
หน้าปัดโครมาไลน์สีดำตกแต่งผิวซันเรย์ หลักเครื่องหมายบอกชั่วโมง และเข็มนาฬิกาเคลือบสารเรืองแสงสีฟ้า กลไก Calibre 2232 ที่เผยโฉมในปี 2020 ระบบขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นใหม่ ติดตั้งกับแฮร์สปริง Syloxi จากซิลิคอน มีความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก และความเสถียรสูง พลังงานสำรองประมาณ 55 ชั่วโมง
สายนาฬิกา Oyster ข้อต่อแข็งสามชิ้น ตัวล็อก Oysterclasp แบบพับได้ พร้อมระบบขยายสาย Easylink ได้ความยาวสายนาฬิกาเพิ่มถึง 5 มม. กันน้ำลึก 100 เมตร
แน่นอนว่ายังคงมีในเวอร์ชั่นสำหรับคุณผู้ชาย ขนาด 41 มม. โดยเรือนนี้หน้าปัดมาด้วยสีเงินตกแต่งผิวซันเรย์ สร้างแสงสะท้อนที่ดูละเอียดอ่อนให้แก่หน้าปัดนาฬิกา กลไก Calibre 3230 ต่างจากของรุ่นสำหรับผู้หญิง ให้พลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง โดยจะติดตั้งบน Oyster Perpetual 41 และ Oyster Perpetual 36
Lady-Datejust 28mm
ความสำเร็จของรุ่น Datejust ต่อยอดมาสู้นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี อย่าง Lady-Datejust ในปี 1957 เพื่อให้เข้ากับข้อมืออันเรียวเล็กของสาวๆ มาพร้อมกับกลไกการทำงานที่เที่ยงตรง เป็นนาฬิกาที่เต็มไปด้วยความสง่างาม ในขนาดเล็ก ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพการทำงานของกลไกจาก Rolex
เป็นอีกรุ่นที่มีรูปลักษณ์ให้สาวๆ ได้เลือกเยอะมาก ทั้งสีหน้าปัด ขอบหน้าปัด วัสดุ และการตกแต่งเพชร โดยเรือนที่เราหยิบมานี้มาด้วยดีไซน์เรียบหรู คลาสสิก ตัวเรือนยังคงเป็น Oystersteel ในตระกูล 904L ทนต่อการสึกกร่อนสูง หน้าปัดโครมาไลน์สีชมพูตกแต่งผิวซันเรย์ มาพร้อมหน้าต่างวันที่ตรง 3 นาฬิกา หลักชั่วโมงตัวเลขโรมัน และเข็มนาฬิกาเคลือบสารเรืองแสงสีฟ้า
กลไก Calibre 2236 ระบบขึ้นลานอัตโนมัติที่ผลิตโดย Rolex เท่านั้น พลังงานสำรองประมาณ 55 ชั่วโมง สายนาฬิกา Oyster ตัวล็อก Oysterclasp และระบบ Easylink เพิ่มความยาวสายได้ 5 มม. กันน้ำลึก 100 เมตร
อีกดีไซน์ในไลน์ Lady-Datejust ที่อยากแนะนำ โดยตัวเรือนคือ Oystersteel กลไก Calibre 2236 พลังงานสำรอง 55 ชั่วโมง เช่นเคย โดยเรือนนี้เราขอเลือกหน้าปัดสีเงินแต่งผิวซันเรย์ มาเป็นตัวเลือกให้สาวๆ ที่อยากได้ลุคที่ดูผู้ใหญ่ขึ้น หลักชั่วโมง และเข็มนาฬิกาเคลือบสารเรืองแสง
แต่ที่โดดเด่นคือ ขอบหน้าปัดแบบร่อง ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำมากยิ่งขึ้น และสายนาฬิกา Jubilee ข้อต่อห้าชิ้น ตัวล็อก Crownclasp ให้เสน่ห์เท่ๆ แบบ Rolex ของคุณผู้ชายเลยทีเดียว
Datejust 31mm
ชื่อรุ่น Datejust มาจากหน้าปัดที่มาพร้อมหน้าต่างวันที่ตรง 3 นาฬิกา เปิดตัวมาในปี 1945 โดยในยุคนั้นนับเป็นการพัฒนาไปอีกขั้น กับการติดตั้งกลไกที่มาพร้อมจานหมุนตัวเลขถึง 31 วัน เพราะโดยปกติแล้วในยุคนั้นการบอกวันที่บนนาฬิกาจะเป็นเข็มนาฬิกา และมีวันที่แสดงบนเส้นรอบวงของหน้าปัดแทน ดังนั้นการพัฒนานี้จึงกลายเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ และเป็นมาตรฐานในการผลิตของ Rolex
ตัวเรือน Oystersteel หน้าปัดโครมาไลน์สีน้ำเงินตกแต่งผิวซันเรย์ หลักชั่วโมงตัวเลขโรมัน และเข็มนาฬิกาเคลือบสารเรืองแสงสีฟ้า สายนาฬิกา Oyster กันน้ำลึก 100 เมตร กลไก Calibre 2236 ระบบขึ้นลานอัตโนมัติที่ผลิตโดย Rolex เท่านั้น พลังงานสำรองประมาณ 55 ชั่วโมง
Explorer 36mm
นาฬิกาที่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งแกร่งและทนทาน อย่าง Explorer นั้น สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1953 พร้อมพิชิตความสูงครั้งประวัติศาตร์ของยอดเขาเอเวอเรสต์ ระดับความสูง 8,848 เมตร โดยเป็นหนึ่งในนาฬิกาสำหรับมืออาชีพเรือนแรกๆ ของแบรนด์ หลังจากนั้นในปี 1959 ทางแบรนด์ก็ได้เริ่มวางจำหน่ายนาฬิการุ่นนี้ออกมา
โดยเรือนนี้ยังคงมาด้วยวัสดุสุดทนทาน อย่าง Oystersteel เช่นเคย หน้าปัดโครมาไลท์สีดำ หลักชั่วโมง และตัวเลขเวลา 3, 6 และ 9 รวมถึงเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสงสีฟ้า ขอบหน้าปัดแบบเรียบ สายนาฬิกา Oyster กลไก Calibre 3230 พลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง ที่เปิดตัวมาในปี 2020 กันน้ำลึก 100 เมตร
Air-King 40mm
นาฬิการุ่นนี้โด่งดังในวงการการบิน เพราะเป็นผู้ร่วมบุกเบิกอิสระบนฟากฟ้า ในช่วงปี 1930s โดยมีนักบินหลายคนในยุคนั้น เลือกสวมใส่นาฬิการุ่นนี้ขณะทำการบิน รวมถึงใช้เป็นโครโนมิเตอร์บนเครื่องบินเพราะมีความเที่ยงตรง และแม่นยำสูง เอกลักษณ์ของรุ่นนี้อยู่ที่หน้าปัดโครมาไลท์สีดำ มาพร้อมตัวเลข 3, 6 และ 9 ขนาดใหญ่แสดงชั่วโมง เคลือบสารเรืองแสงสีฟ้า สเกลนาทีและตัวเลขบอกเวลาที่ชัดเจน
ชื่อรุ่น Air-King ที่มีมาตั้งแต่เปิดตัวนาฬิกาในปี 1958 วัสดุตัวเรือนยังคงเป็น Oystersteel สายนาฬิกา Oyster กันน้ำลึก 100 เมตร กลไล Calibre 3230 พลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง
Rolex ราคา ไม่เกิน 300,000 นี้ ก็นับว่ามีดีไซน์ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาจาก Rolex ไว้ได้อย่างดี ซึ่งราคาเหล่านี้คือราคาขายหน้าเว็ป หากคุณต้องการเรือนเหล่านี้ การซื้อบางทีอาจจะไม่จบที่ 3 แสน แต่อาจลากยาวไปถึงหลักล้านก็ได้ เพราะด้วยหลักการซื้อพ่วงจากตัวแทนจำหน่ายต่างๆ หรือหากเป็นรีเซลราคาก็จะบวกขึ้นไปอีก ดังนั้นใครมีโอกาสคว้าน้องๆ เหล่านี้ในงบที่น่ารักแบบนี้ได้นั้น ต้องรีบคว้าไว้เลย